โลกออนไลน์ คือ โลกออนไลน์ในปัจจุบัน กิจกรรมสร้างกระแส foremost กิจกรรมที่มีการสร้างกระแสต่าง ๆ เป็นกระแสที่เรียกว่าอะไร สร้างกระแส คือ กิจกรรมสร้างกระแส forget กระแส Foremost คือ สร้างกระแส ภาษาอังกฤษ
กระแสบนโลกออนไลน์ พระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษา ปี พ.ศ. 2488 กำหนดให้วันที่ 16 มกราคมของทุกปีเป็นสร้างกระแส ภาษาอังกฤษ “วันครูแห่งชาติ” เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกศิษย์ได้จัดกิจกรรมรำลึกถึงครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ ในขณะที่ “อาชีพครู” ถูกเปรียบให้เป็น “แม่พิมพ์ของชาติ” เป็นอาชีพของผู้ให้ ผู้เสียสละ ผู้อบรมสั่งสอนนักเรียนให้รู้วิชา และควรค่าที่จะได้รับการยกย่อง ทว่า ชีวิตการทำงานของครูก็ไม่ได้งดงามและสวยหรู แต่เต็มไปด้วยปัญหาและคราบน้ำตา ที่เหล่าคุณครูอยากสะท้อน ให้ “ผู้ใหญ่” ยื่นมือมาช่วยหาทางออก เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมแห่งการเรียนรู้ที่เอื้อให้ครูได้สอนและนักเรียนได้เรียนอย่างแท้จริง ในโอกาสวันครูแห่งชาติ 2566 นี้ Sanook ขอร่วมรำลึกถึงพระคุณครู ด้วยเรื่องราวหลากหลายของคุณครูและระบบการศึกษาโลกออนไลน์ คือ พร้อมสะท้อนปัญหาของครูที่หลายคนอาจไม่เคยได้รู้ เพื่อให้ทุกคนร่วมด้วยช่วยกันสร้าง “การศึกษา” ที่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคนในระบบ
สร้างกระแส ภาษาอังกฤษ
แม้กระทรวงศึกษาธิการจะเปลี่ยนผู้กุมบังเหียนหลายต่อหลายคนแล้ว แต่ปัญหาเรื่องความรุนแรงในโรงเรียนกลับไม่เคยถูกแก้ไข นักเรียนยังคงเป็นเหยื่อจากการใช้อำนาจในโรงเรียน และครูที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา ก็ถูกมองว่าเป็นผู้สร้างบาดแผลให้กับนักเรียนในหลายกรณีเช่นกัน แต่สิ่งที่หลายคนมองข้ามไป คือครูเองก็ตกเป็นเหยื่อของระบบอำนาจนิยมไม่ต่างจากนักเรียน ความเหน็ดเหนื่อยและความต้องการ “อยู่รอดไปวัน ๆ” ทำให้ครูแสดงพฤติกรรมแง่ลบหลายครั้ง ขณะเดียวกัน “โซเชียลมีเดีย”กระแส Foremost คือก็มีบทบาทสำคัญในการเปิดโปงขยะใต้พรมเหล่านี้ แน่นอนว่ามันส่งผลให้ครูรู้สึก “ไม่ปลอดภัย” และมีหลายกรณีที่ครูยกเหตุผลเรื่อง “ความหวังดี” มาอธิบายการกระทำของตัวเอง แม้ความหวังดีจะไม่ใช่เหตุผลที่สามารถอธิบายการกระทำของครูได้ แต่มันก็ถูกหยิบยกขึ้นมาใช้ปลอบใจตัวเองและหลีกเลี่ยงการยอมรับผิด จนคล้ายกับว่าความหวังดีคือ “เกราะป้องกันครู” จากการวิพากษ์วิจารณ์ของคนทั่วไป แน่นอนว่าพฤติกรรมเช่นนี้ของครูเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่หากเราลองมองครูในฐานะมนุษย์คนหนึ่งแล้ว พฤติกรรมดังกล่าวก็คือผลลัพธ์จากระบบการศึกษาที่กดทับพวกเขามาอย่างยาวนาน สุดท้ายแล้วครูก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีความรู้สึกนึกคิด ทำผิดพลาดได้ กลัวได้ เจ็บได้ และร้องไห้เป็นเช่นเดียวกับนักเรียน ที่สำคัญคือ ครูไม่ใช่ “แม่พิมพ์” ที่ไม่มีวันทำผิดพลาดตามที่เขาหลอกลวง
โลกออนไลน์ในปัจจุบัน
ข่าวการรับสมัคร “ครูอัตราจ้าง” พร้อมค่าตอบแทนหลักพันปรากฏให้เห็นและเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อย่างร้อนแรงหลายต่อหลายครั้ง แม้จะมีเสียงสะท้อนจากคนในสังคมที่ตั้งคำถามและพยายามเรียกร้องค่าตอบแทนที่ “สมเหตุสมผล” กับภาระงานที่คุณครูอัตราจ้างต้องแบกรับ แต่ข่าวการรับสมัครครูอัตราจ้างด้วยค่าตอบแทนราคาถูกก็ยังมีให้เห็นเรื่อย ๆ จนคล้ายกับว่าสิ่งที่เคยถกเถียงกันไปก่อนหน้าไม่เคยเกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ตาม ปัญหาของครูอัตราจ้างไม่ได้เป็นแค่เรื่องเงินเท่านั้น แต่เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็งกิจกรรมสร้างกระแส forget” อีกยอดหนึ่งของปัญหาระบบการศึกษาไทย ที่หากปล่อยเอาไว้ก็อาจจะส่งผลเสียต่อ “ทุกฝ่าย” ในระยะยาว เมื่อมองสถานการณ์ของครูอัตราจ้างให้ลึกลงไป เราจะเห็นภาพสะท้อนปัญหาเรื่อง “การจัดสรรทรัพยากร” ซึ่งรวมถึงเรื่องงบประมาณ การจัดสรรกำลังคน และทรัพยากรที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานของโรงเรียนและคุณครู โดยเฉพาะเรื่อง “อัตรากำลังครู” ที่ถูกจัดสรรให้กับโรงเรียนอย่างไม่เพียงพอ หรือจำนวนอัตรากำลังครูเพียงพอแล้วแต่ไม่เพียงพอต่อการดำเนินงานของโรงเรียน
กิจกรรมที่มีการสร้างกระแสต่าง ๆ เป็นกระแสที่เรียกว่าอะไร
ระบบการศึกษาไทย” เป็นเรื่องที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นของสังคมอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ที่ขบวนการของนักเรียนและครูไทยได้ออกมาขับเคลื่อนเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาในระบบการศึกษาอย่างจริงจัง กลายเป็นกระแสถกเถียงกันในระยะหนึ่ง ก่อนที่จะจางหายไปโดยที่ไม่เคยได้รับการแก้ไขและถูกปล่อยทิ้งไว้เหมือนเดิมปัญหาเรื่อง “ภาระงานของครู” ก็เป็นอีกปัญหาที่ส่งผลกระทบกับครูผู้สอน และส่งผลกระทบต่อไปยังตัวผู้เรียน เนื่องจากครูต้องดูแลงานอื่น ๆ ในโรงเรียนและไม่สามารถ “โฟกัส” กับการสอนอย่างเดียวได้ ประกอบกับระบบการศึกษาของไทยที่สะท้อนวิธีคิดหรืออุดมการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศแบบ “เสรีนิยมใหม่” หรือทุนนิยมที่ผลักภาระให้กับปัจเจกสร้างกระแส คือ ซึ่งรวมไปถึงเรื่องระบบการประเมินด้วยเอกสารที่ทุกอย่างต้องมีรูปภาพประกอบ ก็ทำให้ระบบการศึกษาไทยตั้งอยู่บน “ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อคนในระบบยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาเรื่อง “การประเมินครู” ก็เป็นอีกหนึ่งหอกแหลมที่ทิ่มแทงครูไทยมาอย่างยาวนาน โดยครูต้องเน้นผลงานที่ยิ่งใหญ่อลังการและต้องเอาผลงานของเด็กไปตั้งโชว์ เนื่องจากระบบต้องการประเมินครูในลักษณะนี้ ทำให้เกิดเป็นการส่งต่อชุดความคิดดังกล่าวไปเรื่อย ๆ และส่งผลกระทบกับตัวผู้เรียนในที่สุด
กระแส Foremost คือ
ภาพผู้ปกครองวิ่งวุ่นซื้อข้าวของอุปกรณ์การเรียนให้กับลูกหลาน รวมถึงการรายงานข่าวโรงรับจำนำที่หนาแน่นในช่วงก่อนเปิดเทอม เนื่องจากหลายครอบครัวนำของมีค่าไปจำนำเพื่อแลกเงินมาจ่ายค่าเทอม หรือภาพของเด็กนักเรียนที่มีกระดาษติดอยู่บนเสื้อ ระบุว่า “ยังไม่ได้จ่ายค่าเทอม” สร้างความอับอายให้เด็กคนนั้นกิจกรรมที่มีการสร้างกระแสต่าง ๆ เป็นกระแสที่เรียกว่าอะไร คือภาพอันคุ้นตาเมื่อโรงเรียนเปิดภาคเรียนปีการศึกษาใหม่ ขณะเดียวกัน นโยบาย “เรียนฟรี” กลับไม่เกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติในประเทศไทย ด้วยค่าใช้จ่าย “เพิ่มเติม” ที่แยกย่อยออกมา ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ สามารถจัดการศึกษาฟรีได้ทั้งระบบตั้งแต่อนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัยการจัดสรรบุคลากรที่ไม่สอดคล้องกับบริบทของโรงเรียน การบริหารจัดการเงินที่ไร้ประสิทธิภาพ และไร้ทิศทางของระบบการศึกษาไทย ผนวกกับปัญหาเรื่องคน กลายเป็นปัญหาและภาระมากกว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ ส่งผลให้ภาระเรื่องค่าใช้จ่ายตกไปอยู่ที่ผู้ปกครองที่จะต้องหาเงินมาให้ลูกเรียน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ “วนลูป” ที่เห็นทุกครั้งในช่วงเปิดเทอมปีการศึกษาใหม่
โลกออนไลน์ คือ
“ระบบการศึกษาไทย” อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกหยิบยกมาพูดคุยถกเถียงกันในสังคมบ่อยครั้ง ทั้งปัญหาเรื่องหลักสูตรการสอน เรื่องทรัพยากรบุคคลและเม็ดเงิน รวมไปถึงเรื่องอำนาจนิยม จนคล้ายกับว่าปัญหาของระบบการศึกษาของไทยได้กลายเป็นปัญหาเรื้อรัง ที่ยากจะหาทางแก้ไขหรือพัฒนาให้ดีขึ้นได้ ทว่ากิจกรรมสร้างกระแส foremost ในห้วงเวลาที่หลายภาคส่วนพยายามหาทางออกให้กับปัญหาที่เป็นอยู่ การระบาดของโรคโควิด-19 ก็ซ้ำเติมระบบการศึกษาไทยให้บอบช้ำมากขึ้น เรียกว่าปัญหาเก่า ๆ ยังไม่ทันได้แก้ไข ก็มีปัญหาใหม่ ๆ เข้ามาให้ต้องหาทางแก้ไขไม่หยุดหย่อน นอกจากนักเรียนจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างหนักแล้ว ครูผู้สอนก็เป็นคนอีกกลุ่มในระบบการศึกษาที่ได้รับผลกระทบไม่แตกต่างกัน โดยเฉพาะเรื่องการสนับสนุนอุปกรณ์การสอนออนไลน์จากภาครัฐ และเรื่องกระบวนการวิธีสอน อย่างไรก็ตาม หากต้องการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาไทยเพื่อช่วยเหลือนักเรียน โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติโควิด-19 สิ่งเล็กน้อยที่สุดที่รัฐบาลจะสามารถทำได้ คือการ “ลดภาระงานของครู”
สร้างกระแส คือ
“การค้นหาตัวเอง” กลายเป็นสิ่งที่คนยุคใหม่ให้ความสำคัญ และเป็นประเด็นยอดฮิตที่ถูกหยิบยกมาพูดคุยกันอยู่เสมอโลกออนไลน์ในปัจจุบัน เมื่อเด็กไทยจำนวนไม่น้อยไม่รู้ว่าตัวเองชื่นชอบอะไร ไม่รู้ต้องพาตัวเองไปอยู่ที่ตรงไหน จึงจะเจอจุดที่ใช่และเหมาะสมกับตัวเอง เช่นเดียวกับผู้ใหญ่มากมายที่ต้องเผชิญกับความสับสนในชีวิต และลงเอยอยู่กับสิ่งที่ตัวเองไม่ได้รักจนไม่มีความสุข แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาของ “ครูวุ้น – ณรงค์ศักดิ์ ดุริยปราณีต” ครูสอนภาษาไทยของโรงเรียนวัดวังพระนอน จังหวัดสุพรรณบุรี ผู้ค้นพบความสุขของชีวิตผ่าน “การเต้น” ที่นำเขาไปสู่ตำแหน่ง “ครูนักเต้นเท้าไฟแห่ง TikTok” และนำมาซึ่งโอกาสมากมายในชีวิตที่เกินกว่าเขาจะฝันถึง กระแสบนโลกออนไลน์
เครดิต sanook.com
ข่าวแนะนำ
- ข่าวโซเชียลโซเชียลชื่นชม หนุ่มไปรษณีย์ช่วยคนล้มหัวฟาดพื้น ส่งโรงพยาบาล
- ข่าวโซเชียลทำอย่างไร? เมื่อ “โซเชียลมีเดีย” จำเก่ง คอยย้ำเตือน “วันนี้ในอดีต”
- ข่าวโซเชียลหนุ่มหล่อคนดังโซเชียล ไลฟ์ซิ่งมอเตอร์ไซค์ซ้อนสาวยกล้อ กลายเป็นโศกนาฏกรรม 4 ศพ
- ข่าวโซเชียลส่องชีวิตโซเชียล มะปราง สาวลวงฝัน ว่าพาไปทำงานเกาหลีได้ เพราะผัวแม่รวย
- ไวรัล tiktokเปิด 10 อันดับ “ข่าวโซเซียล 2565” สารพัดดรามา-หลากไวรัลเกิดขึ้นมากมาย